ยึดประเทศไทย ตอน 1

[นักรบธรรม]

ขบวนการยึดประเทศไทย (ตอนที่ 1 )
ประเทศไทยสามารถดำรงอยู่เป็นเอกราช รักษาศาสนาพุทธและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ตามวิธีไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวต่างชาติ ต่างศาสนาเหมือนประเทศค่างๆ ทั่วทั้งโลก เพราะว่าคนไทยทั้งประเทศมีพระพุทธศาสนาฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงเข้าถึงธรรมของพระศาสดาอย่างลึกซึ้ง จนทำให้คนทั่วโลกในประเทศชั้นนำที่สำคัญต่างให้ความสนใจกันเป็นพิเศษพากันศึกษาค้นคว้ากันในประเด็นนี้ และสรุปเห็นพร้องต้องกันว่าเป็นเพราะว่าคนไทยมีพระพุทธศาสนาและปฏิบัติตามคำสั่งสอนกันทั่วทั้งประเทศตลอดมาตั้งแต่โบราณการนั่นเอง

นับแต่นั้นมาพวกขบวนการยึดประเทศไทยได้พุ่งเป้าหมายทำลายองค์กรทางศาสนาซึ่งเป็นสถานบันหลักอันดับแรกของคนไทย พวกศัตรูได้เพรียงพยายามแทรกซึมอย่างมีระบบเป็นขั้นตอน เริ่มต้นตั้งแต่สนับสนุนกลุ่มคนไทยชั้นนำในสังคมให้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่งคงร่วมตั้งสถาบันการเงินและเป็นหุ้นส่วนทางการค้าเป็นตัวแทนทำงานให้ พวกคนไทยกลุ่มนี้ได้สิทธิประโยชน์อย่างมากมายในสังคมไทยตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มเป็นประเทศ และเป็นมรดกสืบทอดกันมาถึงรุ่นลูกหลาน จนกระทั่งมีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมืองตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตร พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา
พวกคนไทยตัวแทนของขบวนการยึดประเทศเล่านี้ทำงานให้กับตนเองเหมือนกันเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของต่างชาติไปด้วยอย่างแยกกันไม่ออก พวกเขาเป็นเจ้าของพรรคการเมืองและเป็นนายทุนที่ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้น และผูกขาดอำนาจมาตลอดเป็นกลุ่มอำนาจเก่า อย่างแท้จริงไม่เคยมีพรรคการเมืองใดๆ ของคนรุ่นใหม่กลุ่มใด สามารถจะรวมกลุ่มกันอยู่ได้นานเกิน 10 ปี สุดท้ายต้องล้มเลิกไป ต่างถูกข้อหาทำลายความมั่งคง ไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งสุดท้ายต้องหลบหนี้ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ต่างประเทศกันหมด

ขอให้คนไทยทุกคนนึกย้อนกลับไปสักระยะ 20 – 30 ปี ที่ผ่านมาแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำขึ้นมาบริหารประเทศไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองหรือหัวหน้าคณะปฏิวัติจะสักกี่คนก็ตาม จะสังเกตว่านโยบายและทิศทางของประเทศไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่กับกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังพรรคการเมือง ไม่ใช่นักการเมือง นักการเมืองเป็นเพียงตัวประกอบในระบอบเท่านั้น และต่างพากันผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเล่นการเมืองแล้วก็เลิก แต่กลุ่มนายทุนไม่เคยเปลี่ยน หากเมื่อไดการดำเนินงานไม่เป็นไปตามทิศทางต้องการของขบวนการยึดประเทศไทยกำหนดแล้วจะอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาเองจะสร้างสถานการณ์ขึ้นมาแล้วสมคบกับทหารล้มรัฐบาลทันที การทำรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมาจะอ้าง เสมอมาว่าทุจริต คอรัปชั่น รัฐธรรมนูญไม่ดีต้องแก้ไข เป็นการหลอกลวงคนไทยตลอดมาอย่างแยบยล ประเทศไทยต้องล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านเพราะกลุ่มอำนาจเก่าเหล่านี้เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวของกลุ่ม การะทำยำยีเหยียดหยามคนทั้งประเทศมานานประเทศไทยสังคมไทยจะล่มจมไม่มีแผ่นดินให้ทั้งคนไทยและศาสนาดำรงอยู่ตราบเท่าที่กลุ่มคนไทยพวกนี้ยังลอยนวลคอยเป็นตัวแทนและเครื่องมือของขบวนการยึดประเทศไทย

[นักรบธรรม]

ลำดับเหตุการณ์สำคัญในรอบ 12 ปี ของความเคลื่อนไหวเพื่อผูกขาดอำนาจ เบ็ดเสร็จเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้าของกลุ่มอำนาจเก่า
1. ทำลายองค์กรทางศาสนา
แผนนารีพิฆาต
ทำลายชื่อเสียงพระสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทราของประชาชนทั้งประเทศ โดยการพยายามยัดเยีดพระเหล่านั้น ผิดศีล ผิดวินัย พระพฤติตนไม่เหมาะสม หลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ

โดยวางลำดับขั้นตอนทำงานดังนี้
1. โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มีชื่อเสียงมากขึ้นไปมากกว่า ความเป็นจริง จนผู้คนหลงเชื่อ
2. ส่งคนโดยเฉพาะผู้หญิงเข้ามาคอยรับใช้และจับผิด เก็บหลักฐานไว้คอยประจาน
3. จ้างพวกไม่มีอาชีพ บวชเป็นพระธุดงค์ ให้ประพฤติผิดทำอนาจาร แล้วนำเรื่องราวมาโฆษณา
4. จ้างหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ ในกลุ่มของตนเช่น เดอะเนชั่นกรุป , มิติชน, ข่าวสด, คมชัดลึก ประโคมข่าวด้านลบตลอดเวลาทั้งปี
5. ให้เงินทุนแก่ กลุ่ม คนบริสุทธิ์ที่หลงเชื่อจัดตั้งองค์กรด้านศาสนา ในชื่อต่าง เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ดำเนินแก้ไข สร้างกฎ และ ระเบียบรวมทั้ง พ.ร.บ. สงฆ์ และจัดคนของกลุ่มตนแทรกซึมอยู่ในองค์กรคอยชี้นำและส่งเสริมให้มีกิจกรรมเพื่อทำให้สังคมไทยดูวุ่นวายและสับสน
ข้อสังเกต
พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงถูกทำลายและสังคมประณามโดยไม่มีมูล
1. พระอาจารย์ยันตระ อมโรภิกขุ
2. พระภาวนาพุทธโธ
3.เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย
4.และอื่นๆ อีกมากแต่มีชื่อเสียงไม่มาก
เหตุการณ์ทุกครั้งที่องค์กรศาสนาถูกยำยีทำลายจะอยู่ในสมัยที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยมีนาย ชวน เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2536- 2537 , 2539 – 2540


นักวิชาการที่คอยสมทบสร้างความน่าเชื่อถือ คือ
1. ดร. เจริมศักดิ์ ปิ่นทอง
2. ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล
3. นายเสถียงพงษ์ วรรณปก นักวิชาการศาสนาพุทธ ปธ. 9 และอื่นๆ

[นักรบธรรม]

กลุ่มพระสงฆ์นำโดยพระราชกวี วัดวาชา มะดุกยุอง เป็นแกนนำในการนำพาพวกที่ตกเป็นเหยื่อเดินขบวนเรียกร้องที่สนามหลวงตลอดเวลาสร้างความสับสนให้กับพุทธศาสนิกชน
การยึดอำนาจเป็นการถาวร
ขณะเดียวกันก็ดำเนินการตระเตรียมความพร้อมทางด้านการเมืองเพื่อที่จะกุมอำนาจเด็ดขาดเบ็ดเสร็จในรัฐสภา โดยผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ประชาชน ซึ่งดำเนินการได้เป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2540
แผนผูกขาดอำนาจล้มเหลว (ไม่เข้าข้างฝ่ายใด)
ผลการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ถูกสกัดกันจากทหารกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นแผนร้ายเข้าช่วยเหลือผลักดันให้พรรคไทยรักไทยซึ่งพึ่งถูกตั้งขึ้นมาเพื่อยับยั้งขัดขวางแผนผูกขาดอำนาจนี้ สร้างความโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
แผนฆ่าผู้นำ(ยกตัวอย่าง ผู้นำทุกคนที่ขัดผลประโยชน์ก็จะโดนเหมือนกัน)
จึงร่วมกันวางแผนฆ่านายกทักษิณ ชินวัตร โดยการระเบิดเครื่องบิน แต่ก็ล้มเหลวอีก เครื่องบินเสียหายทั้งลำ
ข้อสังเกต
พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอและผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญโดยอ้างว่าเพื่อปฏิรูปการเมืองไทย
นายชวน หลักภัยเป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้นในสภามีพรรคการเมืองเดียวไม่มีพรรคฝ่ายค้านที่พากันลาออกไม่พอใจ พ.ศ. 2540 – 2541
สร้างกระแสต่อต้าน
เมื่อแผนที่ 2 ล้มเหลวจึงเริ่มต้นแผนที่ 3 โดยการใส่ร้ายว่าผลงานของนายกทักษิณที่กำลังถูกยอมรับของประชาชน จากการปลดหนี้ IMF, ยางมีราคาสูง, ปราบปรามยาเสพย์ติด, ปราบหวยเถื่อนสำเร็จ ว่าเป็นเพียงนโยบายเพื่อสร้างความนิยมส่วนตัว แข่งกับราชวงศ์จักรี และได้ว่าจ้างให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวกเคลื่อนไหวโดยพยายามทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่า นายกทักษิณและคณะหลบลู่สถาบันทั้งที่ความจริง อดีตนายสนธิ และพวกต่างเคยเป็นกลุ่มฝ่ายซ้ายต่อต้าน สถาบันกษัตริย์มาก่อน
เมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารและหลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้รับชัยชนะและเป็นรัฐบาลทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันกำลังเผยแพร่รัฐธรรมนูญที่กลุ่มพวกตนกำลังร่างขึ้นมา เพื่อเหตุผลของการชอบธรรมในการสืบทอดอำนาจ
ปฏิวัติยึดอำนาจ
สมาคมกับกลุ่มทหารที่สูญเสียประโยชน์ที่เคยได้จาก การซื้อขายอาวุธ การเช่าสนามบินดอนเมืองและสถานีวิทยุทั่วประเทศเพราะการอนุญาตให้มีสถานีวิทยุชุมชน และพวกที่อิงประโยชน์จากการค้ายาเสพย์ติด น้ำมันเถื่อน และค่าคอมมิลชั่นจากโครงการต่างๆ ที่เคยๆ ได้รับจากมาตลอดระยะ 30 – 40 ปีที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชนองคมนตรีเป็นผู้แทนและผู้สำเร็จราชการของพระมหากษัตริย์ และให้โอกาสแก่กลุ่มสันติอโศกเป็นนิกายใหม่ในศาสนาพุทธตามกฎหมายเพื่อสร้างปัญหาในประเทศอีก

[นักรบธรรม]

ขณะนี้กำลังโหมประชาสัมพันธ์เพื่อผลักดันให้นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัวแทนของกลุ่มเพื่อจะได้เป็นนายกและพร้อมเปลี่ยนฐานะเป็นอื่นอีกถ้าแผนการนี้สำเร็จ
ล้างเผ่าพันธุ์พรรคไทยรักไทย
ยึดอำนาจโดยอาศัยสร้างกระแสให้ประชาชนเข้าใจและเดาเอาเองว่าเป็นพระประสงค์และนำโดยบุคคลที่แตะต้องไม่ได้ แต่ประชาชนรังเกียจ ควยคุมอำนาจศาลบีบบังคับให้ดำเนินการทางศาล เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่ามีการทุจริต คอรัปชั่นกันอย่างมโหฬาร ทั้งที่ความจริงอยากยึดทรัพย์สินมาเป็นของพวกตนเองแต่ทำไม่ได้ เพราะประเทศจะขาดความเชื่อถือ ทางด้านกฎมาย แต่ในที่สุดก็ทำให้ ดร. ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นบุคคลที่สามของประเทศที่ถูกกลั่นแกล้งต้องหลบไปต่างประเทศเหมือนกับอย่าง ดร. ป๋วย อึ้งภากร และ ดร. ปรีดี พนมยงค์
ดร. ป๋วย อึ้งภากร ถูกตั้งว่ามีแนวความ คิดทฤษฎีเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
ดร. ปรีดี พนมยงค์ ถูกตั้งข้อหาลอบปลงพระชนม์ รัชกาลที่ 8
ทั้งสองท่านต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศต่อมาได้รับการยกย่องเป็นรัฐบุรุษสำคัญของประเทศ เป็นผู้บริสุทธิ์
ขอให้คนไทยทุกคนได้พิจารณาอย่างรอบคอบ มองความเป็นจริงที่ผ่านมากันอย่างไม่มีอคติ ศัตรูที่แท้จริงคือพวกเราคนไทยกลุ่มนี้ไม่ใช่ต่างชาติ ถ้าไม่มีคนทำงานให้พวกเขาแผนการก็ไม่สำเร็จ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นประเทศตะวันตกเพราะกลุ่มบุคคลในชาติของตัวเองทั้งสิ้นที่ถูกเชิดชูขึ้นมาให้มีฐานะเศรษฐกิจครอบคุยทั้งประเทศ เป็นเจ้าของธุรกิจธนาคาร อุตสาหกรรมต่างๆ เป็นตัวแทนทำงานให้มาเข่นฆ่าทำร้ายพวกเดียวกัน จนในที่สุดก็ตกเป็นเมืองขั้นเขาหมดโดยพวกเขาไม่ต้องใช้กำลังทหารจำนวนมากเท่าใดในการยึดทั้งประเทศ ประวัติศาสตร์ได้สอนให้เรารู้ยุทธวิธีกันเป็นอย่างดี ดังนั้นจงอย่าได้หลงกลในการกระทำย่ำยีประเทศของพวกเราอีก
และแม้กระทั้งพระพุทธองค์ยังพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเป็น ยุคมารครองเมือง คนดีต้องหนีอยู่ป่า พระดีไม่มีวัดอยู่ เทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เห็นด้วย บันดาลให้ธรรมชาติวิปริต เกิดอาเพศ แปรปรวนกันทั้งโลก ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า เป็นการยืนยันให้เห็นด้วยตาเปล่าอย่างเช่น ในปัจจุบันนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนที่สุดขอให้คนไทยทุกคนได้อธิษฐานขอบุญบารมีของแต่ละคนที่เคยได้สร้างมาให้ประเทศชาติได้หลุดพ้นจากหนี้กรรมที่เคยกระทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อนทั้งกายวาจาใจ อย่าได้ผูกเวรจองกรรมกันต่อไปอีกเลย
กลุ่มพระสยามฯ